สื่อเยอรมันเปิดประวัติ-รวมผลงาน‘ชินโซ อาเบะ’อดีตนายกฯญี่ปุ่น ก่อนเกิดเหตุลอบสังหารช็อกโลก
8 ก.ค.2565 สำนักข่าว DW (Deutsche Welle) ของเยอรมนี เสนอรายงานพิเศษ Shinzo Abe: The legacy of Japan's former prime minister ว่าด้วยผลงานและสิ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นของ ชินโซ อาเบะ (Shinzo Abe) ซึ่งล่าสุดกลายเป็นข่าวช็อกโลก หลัง อาเบะ ในวัย 67 ปี ถูกคนร้ายลอบสังหารด้วยอาวุธปืน ขณะกำลังกล่าวสุนทรพจน์หาเสียงเลือกตั้งสภาสูง ณ เมืองนารา วันที่ 8 ก.ค. 2565 เวลา 11.30 น. และเสียชีวิตในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
อาเบะได้รับเสียงชื่นชมในผลงานด้านเศรษฐกิจ จากหลากหลายนโยบาย อาทิ พยายามผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน ติดตามการใช้จ่ายของรัฐบาลอย่างสูง โดยเฉพาะการเปิดรับชาวต่างชาติทั้งที่เป็นแรงงาน นักลงทุน และนักท่องเที่ยวมากกว่ารัฐบาลญี่ปุ่นชุดก่อนๆ ทำข้อตกลงทางการค้าที่สำคัญกับสหภาพยุโรป (EU) และหลายประเทศในภูมิภาคแปซิฟิก กลายเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังเติบโตต่อได้แม้ประชากรลดลง
เช่นเดียวกับด้านการต่างประเทศ อาเบะ ประกาศยุทธศาสตร์ “อินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง (Free and Open Indo-Pacific : FOIP)” เพื่อขับเคี่ยวแข่งขันกับความทะเยอทะยานของจีน ญี่ปุ่นใช้การลงทุนเชิงรุกเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศในภูมิภาค ขณะเดียวกัน อาเบะยังประสบความสำเร็จในการรักษาสมดุลอำนาจระหว่าง 2 มหาอำนาจอย่างจีนกับสหรัฐอเมริกา
ภายใต้การนำของอาเบะ ญี่ปุ่นสามารถขยายพันธมิตรด้านความมั่นคงกับสหรัฐฯ พร้อมกับการรักษาหุ่นส่วนด้านเศรษฐกิจอย่างจีนไว้ได้ อีกทั้งยังสามารถทำให้ประชาคมโลกไว้วางใจ ยอมให้ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก 2020 ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกิชิมะ ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในปี 2554 ควบคุมสถานการณ์ได้เรียบร้อยแล้ว
แต่อีกด้านหนึ่ง อาเบะ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากฝ่ายสันติภาพนิยม อาทิ ในการกล่าวสุนทรพจน์ในปี 2558 แม้จะแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ไม่มีการขอโทษแต่อย่างใด อีกทั้งการที่อาเบะประกาศเป้าหมายว่าต้องการสร้าง “ญี่ปุ่นที่แข็งแกร่งและรุ่งโรจน์ (Strong and Prosperous Japan๗” ซึ่งเมื่อได้ยินได้ฟังแล้วก็ดูคล้ายกับคำขวัญของญี่ปุ่นยุคจักรวรรดิเมจิ ที่ว่า “ประเทศมั่งคั่ง กองทัพเข้มแข็ง (Rich Nation, Strong Army)” รวมถึงพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญที่สหรัฐฯ มาวางรากฐานไว้ให้ในปี 2489 หลังญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2
ในด้านการเมือง อาเบะ ถูกมองว่า เข้าสู่อำนาจได้เพราะเวลานั้นฝ่ายตรงข้ามอ่อนแอและแตกแยก ซึ่ง อาเบะ สามารถฟื้นฟูพรรค LDP ที่ก่อนหน้านั้นมีปัญหาทั้งการต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันเองภายในพรรคและเรื่องอื้อฉาวทางการเงิน ประกอบกับช่วงปี 2552-2555 เป็นปีที่ค่อนข้างวุ่นวาย เนื่องจากญี่ปุ่นภัยพิบัติโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ และบรรดานักการเมืองเวลานั้นก็ยังขาดประสบการณ์ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่ต้องการเสี่ยงกับหน้าใหม่ จึงยังคงเชื่อมั่นในตัวอาเบะ
ชินโซ อาเบะ เกิดในปี 2497 ในตระกูลใหญ่ทางการเมือง ชินทาโร อาเบะ (Shintaro Abe) ผู้เป็นพ่อ เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ขณะที่ เอซาคุ ซาโตะ (Eisaku Sato) ลุงทวด และ โนบุสุเกะ คิชิ (Nobusuke Kishi) ปู่ เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ในปี 2563 ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพเนื่องจากมีอาการป่วยเรื้อรัง ซึ่งความฝันของเขาที่ยังไม่บรรลุคือการปฏิรูป รวมถึงข้อตกลงสันติภาพระหว่างญี่ปุ่นกับรัสเซีย ซึ่งยังไม่สามารถตกลงร่วมกันได้เกี่ยวกับชะตากรรมของหมู่เกาะคูริล พื้นที่พิพาทระหว่างทั้ง 2 ชาติ
ที่มา dw
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี