สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ว่า องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐ “มีแผน” กลับเข้าเป็นสมาชิกของยูเนสโก ในเดือน ก.ค. ที่จะถึง


ทั้งนี้ นายริชาร์ด เวอร์มา รมช.การต่างประเทศสหรัฐ ด้านการบริหารจัดการและทรัพยากร ส่งหนังสือถึงนางออเดรย์ อาซูเลย์ ผู้อำนวยการยูเนสโก ว่ารัฐบาลวอชิงตันมีความชื่นชมและขอขอบคุณ การที่ยูเนสโกภายใต้การบริหารของอาซูเลย์ “มีความคืบหน้าในหลายเรื่อง” รวมถึง “การดำเนินการเพื่อลดการเมืองภายในองค์กร”


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังรัฐบาลวอชิงตันในยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกยูเนสโก เมื่อปี 2561 เพื่อตอบโต้กรณีที่ยูเนสโก “เลือกปฏิบัติ” ต่ออิสราเอล โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก่อนถึงการการถอนตัว ซึ่งมีผลเมื่อสิ้นปี 2561 รัฐบาลวอชิงตันเป็นผู้บริจาครายใหญ่ของยูเนสโก ด้วยสัดส่วน 22% ของงบประมาณทั้งหมด คิดเป็นประมาณ 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,600 ล้านบาท)


อย่างไรก็ตาม สภาคองเกรสในยุคประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีมติเมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา จัดสรรงบประมาณ 150 ล้านดอลลารสหรัฐ (ราว 5,199 ล้านบาท) สำหรับมอบความสนับสนุนให้แก่ยูเนสโก


ด้านนายหยาง จิน เอกอัครราชทูตจีนประจำยูเนสโก กล่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งไม่คัดค้าน การที่สหรัฐจะกลับเข้าเป็นสมาชิกยูเนสโก และยืนยันว่า จีนพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ เพื่อให้ภารกิจของยูเนสโกบรรลุเป้าหมาย


อนึ่ง ไม่ใช่ครั้งแรกที่สหรัฐถอนตัวออกจากยูเนสโก ย้อนกลับไปเมื่อปี 2527 ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ผู้นำสหรัฐในเวลานั้น นำสหรัฐลาออกจากยูเนสโก ด้วยเหตุผลว่า นโยบายบางข้อของยูเนสโกแฝงไปด้วยแนวคิด “ต่อต้านอเมริกา” ก่อนที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช จะนำสหรัฐสมัครกลับเข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2545 และรัฐบาลวอชิงตันสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยระงับการมอบเงินสนับสนุนให้แก่ยูเนสโก เมื่อปี 2554 เพื่อประท้วงการรับปาเลสไตน์เข้าเป็นสมาชิก.

เครดิตภาพ : AFP