ประท้วงจีนลุกลาม-ปะทะตำรวจ ชูสัญลักษณ์ “กระดาษเปล่า” ต้านนโยบายโควิด

Virus Outbreak China Protest

ผู้ชุมนุมชาวจีนหลายร้อยคนปะทะกับตำรวจเมืองเซี่ยงไฮ้ ในคืนวันอาทิตย์ ขณะที่การประท้วงต่อต้านมาตรการเข้มข้นเพื่อควบคุมโควิด-19 ของจีนดำเนินมาเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน และยังได้ลุกลามไปยังเมืองอื่น ๆ โดยมีเหตุไฟไหม้ในเมืองอุรุมชีเมื่อกลางสัปดาห์เป็นเชื้อเพลิงสร้างความไม่พอใจ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คลื่นของการขัดขืนอย่างสงบ หรืออารยะขัดขืนในประเทศจีนในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศเมื่อสิบปีก่อน แต่ความไม่พอใจต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์​ หรือ zero-Covid ได้ก่อตัวเพิ่มมากขึ้น และยังส่งผลกระทบอย่างมากทั้งต่อการใช้ชีวิตของผู้คนและต่อเศรษฐกิจของจีน

ผู้ชุมนุมคนหนึ่งกล่าวกับรอยเตอร์ว่า นโยบายโควิด-19 เป็นเกมอย่างหนึ่ง และไม่ได้มีพื้นฐานมาจากวิทยาศาสตร์หรือความเป็นจริงแต่อย่างใด

ในวันอาทิตย์ การชุมนุมยังได้ลุกลามไปยังเมืองต่าง ๆ เช่น อู่ฮั่น และ เฉิงตู โดยมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศมารวมตัวกันเพื่อประท้วงในช่วงสุดสัปดาห์

ในช่วงดึกก่อนเช้าวันจันทร์ในกรุงปักกิ่ง มีกลุ่มผู้ชุมนุมสองกลุ่มประมาณ 1000 คน ชุมนุมกันอยู่ที่ถนนวงแหวนที่สามของเมืองหลวงของจีน และไม่ยอมสลายตัวไป โดยผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งตะโกนประท้วงว่า “เราไม่ต้องการหน้ากาก เราต้องการอิสรภาพ เราไม่ต้องการตรวจโควิด เราต้องการเสรีภาพ”

In this image taken from video, firefighters spray water on a fire at a residential building in Urumqi in western China's Xinjiang Uyghur Autonomous Region, Nov. 24, 2022.

ประท้วงลุกลาม อุรุมชี อู่ฮั่น ปักกิ่ง

ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ได้เกิดไฟไหม้ในอาคารที่พักอาศัยขนาดสูงในเมืองอุรุมชี เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองซินเจียง มีการแชร์คลิปวีดีโอของเหตุการณ์ไฟไหม้ตามโซเชียลมีเดีย ที่ทำให้เกิดการสันนิษฐานและกล่าวหาว่าการล็อคดาวน์ของทางการเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดไฟไหม้และมีผู้เสียชีวิต 10 คน

ทางการอุรุมชีได้จัดแถลงข่าวอย่างรวดเร็วในเช้าวันเสาร์ เพื่อปฏิเสธว่ามาตรการโควิด-19 ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการให้ความช่วยเหลือและการหนีไฟของผู้อยู่อาศัย โดยที่ผ่านมาประชาชนราว 4 ล้านคนในเมืองอุรุมชีต้องอยู่ภายใต้มาตรการล็อคดาวน์ที่ยาวนานที่สุดแห่งหนึ่งในจีน และเคยถูกห้ามไ่มให้ออกจากบ้านของตนนานถึง 100 วัน

เหตุไฟไหม้ในเมืองอุรุมชีในวันพฤหัสบดี ทำให้มีกลุ่มคนออกมาประท้วงตามถนนในเย็นวันศุกร์ และตะโกนว่า “หยุดการล็อคดาวน์!” ในวันอาทิตย์ มีกลุ่มผู้ประท้วงกลุ่มใหญ่มาชุมนุมกันที่เมืองเฉิงตู ชูแผ่นกระดาษว่างเปล่า และตะโกนว่า “เราไม่ต้องการผู้ปกครองที่มีอำนาจตลอดชีวิต เราไม่ต้องการจักรพรรดิ” ซึ่งเป็นคำที่ใช้พูดถึงประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำจีนต่อเป็นสมัยที่สาม

​ส่วนในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของการเกิดการระบาดของโควิด-19 เมื่อสามปีก่อน คลิปวีดีโอตามโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นผู้ประท้วงหลายร้อยคนตามท้องถนน บางคนได้รื้อถอนและทุบทิ้งเครื่องกีดขวางบนท้องถนน คว่ำเต๊นท์ที่ใช้ตรวจโควิด และเรียกร้องให้ยุติการล็อคดาวน์

People gather on a street in Shanghai on Nov. 27, 2022, where protests against China's zero-COVID policy took place the night before following a deadly fire in Urumqi, the capital of the Xinjiang region.

ในกรุงปักกิ่ง ที่มหาวิทยาลัยซิงหัว มีคนหลายสิบคนออกมาชุมนุมอย่างสงบ และร้องเพลงชาติจีน ตามภาพและคลิปวีดีโอบนโซเชียลมีเดีย

ผู้ชุมนุมคนหนึ่งในเมืองเซี่ยงไฮ้ ที่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อต่อรอยเตอร์ ให้สัมภาษณ์ว่า “เราต้องการสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เราไม่สามารถออกจากบ้านได้หากไม่ตรวจโควิดก่อน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองอุรุมชีนั้นเหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ผู้คนออกมาประท้วง”

ในเย็นวันอาทิตย์ ผู้ชุมนุมบางคนมีการดึงดันปะทะกับตำรวจ ที่พยายามสลายการชุมนุม มีบางคนถูกจับกุมและพาไปขึ้นรถบัสของตำรวจ

หน้ากระดาษที่ว่างเปล่า สัญลักษณ์อารยะขัดขืน

ผู้ชุมนุมชาวจีนได้หันมาใช้แผ่นกระดาษที่ว่างเปล่าเพื่อแสดงออกถึงความโกรธของพวกเขาต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลกรุงปักกิ่ง เป็นการแสดงความไม่พอใจต่อรัฐบาลที่แพร่หลายไปอย่างรวดเร็วนอกเหนือขอบเขตของโซเชียลมีเดีย

ภาพและวีดีโอที่มีการแชร์กันทางออนไลน์ แสดงให้เห็นนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยในเมืองต่าง ๆ เช่น หนานจิง และกรุงปักกิ่ง ชูแผ่นกระดาษว่างเปล่าในการประท้วงโดยสงบ ซึ่งเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่ใช้ในการหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกทางการเซ็นเซอร์หรือถูกจับกุม

This frame grab from eyewitness video footage made available via AFPTV on November 27, 2022 shows demonstrators shouting slogans as police hold their positions, in Shanghai

ในเมืองเซี่ยงไฮ้ มีคนจำนวนหนึ่งรวมตัวกันคืนวันเสาร์เพื่อจุดเทียนร่วมรำลึกถึงเหยี่อในเมืองอุรุมชี และได้ชูกระดาษว่างเปล่าด้วยเช่นกัน ตามการรายงานของผู้เห็นเหตุการณ์และจากคลิปวีดีโอ โดยผู้ที่มาชุมนุมบางกลุ่มได้รับการแนะนำให้นำกระดาษขาวมาในการร่วมชุมนุม จากช้อความในห้องแชทที่ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ได้เห็น

เมื่อสองปีก่อน มีการใช้แผ่นกระดาษว่างเปล่ามาเป็นเครื่องมือประท้วงที่ฮ่องกง ในการต่อต้านกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ เพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกจับกุม ส่วนผู้ชุมนุมในกรุงมอสโกว์ รัสเซีย ก็เคยใช้การประท้วงแบบเดียวกันในปีนี้ เพื่อต่อต้านการทำสงครามต่อยูเครนเช่นกัน

นอกจากนี้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตหลายคนยังได้ร่วมแสดงออกโดยการโพสต์รูปกระดาษขาว หรือรูปของพวกเขาถือแผ่นกระดาษสีขาวผ่านทางไทม์ไลน์ของแอพลิเคชัน WeChat หรือเว่ยโป๋ (Weibo) แต่ภายในเช้าวันอาทิตย์ แฮชแท็ก “white paper exercise” หรือ “การแสดงออกด้วยกระดาษสีขาว” ถูกบล็อกทางเว่ยโป๋

Protesters clash with policemen during a protest in Beijing, Sunday, Nov. 27, 2022. (AP Photo/Andy Wong)

"โควิดเป็นศูนย์" และการประท้วงที่หาได้ยาก

ปัจจุบันจีนยังคงใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ ถึงแม้ว่าประเทศอื่น ๆ ในโลกได้ยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ แทบทั้งหมดแล้ว ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจำนวนผู้ติดเชื้อของจีนจะถือว่าน้อยถ้าเทียบกับประเทศอื่น ๆ แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ตัวเลขของผู้ติดเชื้อในจีนได้ทุบสถิติสูงสุด โดยในวันเสาร์จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นไปเกือบ 40,000 ราย ทำให้มีการล็อคดาวน์ในเมืองต่าง ๆ มากขึ้นทั่วประเทศ

รัฐบาลปักกิ่งได้ออกมากล่าวว่านโยบายโควิดเป็นศูนย์เป็นนโยบายที่จะช่วยรักษาชีวิตและป้องกันไม่ให้ระบบสาธารณสุขของประเทศต้องรับภาระหนักจนเกินไป ขณะที่เจ้าหน้าที่ประกาศว่าจะยังคงใช้นโยบายนี้ต่อไป

ก่อนหน้านี้ ประชากรประมาณ 25 ล้านคนในเมืองเซี่ยงไฮ้ถูกบังคับให้อยู่ภายใต้มาตรการล็อคดาวน์เป็นเวลา 2 เดือน

การแสดงความไม่พอใจของชาวจีนก่อนหน้านี้ มักจะเป็นการแสดงออกผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ในขณะที่ต้องหาทางไม่ให้ทางการจีนเซ็นเซอร์ได้ ทว่าความไม่พอใจของประชาชนได้เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ สี จิ้นผิง ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สาม

แดน แมททิงลี (Dan Mattingly) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเยล กล่าวว่า การประท้วงที่เกิดขึ้น “จะสร้างแรงกดดันอย่างมากให้พรรคคอมมิวนิสต์ของจีนต้องออกมาโต้ตอบ ซึ่งมีความเป็นไปได้มากว่า การตอบโต้ที่จะเกิดขึ้นนั้นจะเป็นการปราบปราม และจะมีการจับกุมและเอาโทษกับผู้ประท้วงบางคน”

อย่างไรก็ตาม ผศ. แมททิงลี มองว่า การชุมนุมครั้งนี้ห่างไกลจากการชุมนุมใหญ่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปี ค.ศ.1989 ที่ทำให้เกิดการปราบปรามนองเลือดตามมา เขายังเสริมด้วยว่า ตราบใดที่ สี จิ้นผิง ยังมีกองกำลังทหารอยู่เคียงข้าง ผู้นำจีนก็จะไม่เผชิญกับความเสี่ยงต่อการครองอำนาจต่อไปแต่อย่างใด