สำหรับผู้ชายที่สนใจเรื่อง ธุรกิจ, การลงทุน, การเงิน และตลาดหุ้น พวกเรารู้ดีว่าเกมส์การลงทุนมีความอันตรายและความเสี่ยงขนาดไหน แต่หลายครั้งที่ความโลภก็อาจจะบังตาจนเรามองข้ามข้อควรระวังบางข้อ และถลำตัวเองให้เล่นเกมส์ที่เสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ วงการภาพยนตร์เองจึงมองเห็นเรื่องราวน่าตื่นเต้นในมุมนี้ และหยิบมาเล่าเรื่องผ่านนักแสดงเพื่อบอกถึงอุทธาหรณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ใครที่อยากได้ความรู้ แรงบันดาลใจ ไอเดีย ในเรื่อง ธุรกิจการเงินการลงทุน ในรูปแบบที่สนุกผ่านภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด วันนี้ MenDetails มี 5 หนังธุรกิจการลงทุน ที่จะทำให้คุณเข้าใจโลกของเงินตรา และความฉ้อฉลของ “คนรวยบางคน” มากขึ้น มาฝากกันครับ
1. Wall Street (1987)
“Wall Street วอลล์สตรีท หุ้นมหาโหด” ผลงานหนังเกี่ยวกับตลาดหุ้นวอลสตรีทแนวดราม่าปนอาชญากรรมของผู้กำกับภาพยนตร์ โอลิเวอร์ สโตน (Oliver Stone) นำแสดงโดย ไมเคิล ดักลาส, ชาร์ลี ชีน และ ดาร์ริล ฮานน่าห์ เรียกว่าเป็นหนังที่นอกจากจะตีแผ่เบื้องหลังอันฉาวโฉ่ของวงการตลาดหุ้นอเมริกันแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความโลภของมนุษย์ได้อย่างดี ส่วนไฮไลท์อยู่ที่การแสดงของ ไมเคิล ดักลาส ในบท กอร์ดอน เก๊กโค่ ที่ยอดเยี่ยมจนคว้ารางวัลออสการ์ดารานำชายมาครองได้สำเร็จ แถมยังมีหนังภาคต่อเรื่อง Wall Street 2 : Money Never Sleeps วอลล์สตรีท เงินอำมหิต ความโลภไม่มีวันตาย ตามมาด้วย
เรื่องย่อ Wall Street “บั๊ด ฟ็อกซ์” โบรกเกอร์หนุ่มไฟแรงผู้ต้องการจะมีชีวิตที่ดีมีฐานะและประสบความสำเร็จ เขาจึงพยายามทุกทางที่จะติดต่อขอทำงานกับ “กอร์ด้อน เก๊กโค่” ยอดนักธุรกิจพ่อค้าหุ้นมือหนึ่งของวงการ แต่เบื้องหลังความสำเร็จและรายได้มากมายมหาศาลของเก๊กโค่นั้น เขาคือผู้ชายที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม กลโกง การทุจริตและทำผิดกฏหมายเพื่อหาเงินในการค้าหุ้น การทำงานกับ เก๊กโค่ คือจุดเริ่มต้นของความโลภในอำนาจเงินตราและหนทางสู่หายนะของ บั๊ด ฟ็อกซ์ เขาจะยอมแลกทุกอย่างและขายวิญญาณของตัวเองเพื่อความลาภยศชื่อเสียงอันเย้ายวนใจหรือไม่?
2. Margin Call (2011)
“Margin Call เงินเดือด” ภาพยนตร์ธุรกิจแนวดราม่าทริลเลอร์ ผลงานการกำกับและเขียนบทของ เจ ซี แชนดอร์ (J.C. Chandor) นำแสดงโดย พอล เบ็ตตานี่ (Paul Bettany), สแตนลี่ ตุชชี่ (Stanley Tucci), แซคคารี่ ควินโต้ (Zachary Quinto), เควิน สเปซี่ (Kevin Spacey), เจเรมี่ ไออ้อน (Jeremy Irons) “มาร์จิ้น คอลล์” ได้รับการชื่นชมจากนักวิจารณ์ทั่วโลก โดยนำเอาเหตุการณ์จริงที่เกี่ยวเนื่องกับการล้มละลายของ บริษัท เลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้ง กับ วิกฤติการเงินในระหว่างปี ค.ศ. 2007-2008 ของสหรัฐฯ มาดัดแปลงให้เนื้อหาเข้มข้นและเชือดเฉือนมากยิ่งขึ้น แม้ ศัพท์ทางการเงิน ในเรื่องจะเยอะ แต่หนังก็นำเสนอออกมาได้น่าสนใจ โดยเฉพาะการก่ออาชญากรรมและความฉ้อฉลในเวดวงการเงินการลงทุน
Margin Call คือเรื่องราวของพนักงานหนุ่มเลือดใหม่ไฟแรง เซ็ท แบรกแมน และ ปีเตอร์ ซัลลีแวน และรุ่นพี่อย่าง วิลล์ เอเมอร์สัน พวกเขารอดพ้นจากการถูกเลย์ออฟออกจากบริษัทที่กำลังเผชิญภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงปี 2008 หนึ่งในพนักงานที่ถูกปลดคือ อีริค เดล พนักงานจากฝ่ายบริหารความเสี่ยง และก่อนที่ อีริค เดล จะจากไป เขาได้มอบข้อมูลเกี่ยวกับโปรเจ็คต์ที่เขากำลังทำอยู่ให้กับ ปีเตอร์ ซัลลิแวน พร้อมคำเตือนว่า “ระวังตัวให้ดี” ปีเตอร์พยายามศึกษาข้อมูลเหล่านั้นจนพบว่า ธุรกิจของบริษัทกำลังเผชิญกับภาวะความเสี่ยงที่ผันผวนในระดับที่สูงมากเป็นประวัติการณ์เพราะความซับซ้อนของหลักทรัพย์ที่บริษัทกำลังลงทุนอยู่ ทุกคนที่เหลือในบริษัทถูกเรียกประชุมฉุกเฉินในคืนนั้น เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
3. The Wolf of Wall Street (2013)
The Wolf of Wall Street คนจะรวยช่วยไม่ได้ เรื่องราวการขึ้นสู่จุดสูงสุดและลงสู่จุดต่ำสุดของ จอร์แดน เบลฟอร์ท ที่ถูกทุกคนในวงการเรียกว่า “หมาป่าแห่งวอลล์สตรีท” ผลงานการกำกับโดยสุดยอดผู้กำกับ มาร์ติน สกอเซซี่ย์ (Martin Scorsese) ที่กลับมาร่วมงานกับนักแสดงคู่ใจอย่าง ลีโอนาโด้ ดิคาปริโอ้ อีกครั้ง ร่วมด้วย มาร์ก็อต ร้อบบี้ , โจนาห์ ฮิลล์ และ แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้คุณไม่ประมาทกับการใช้ชีวิตในโลกของธุรกิจที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายที่พร้อมจะขย้ำคุณทันทีเมื่อคุณก้าวพลาด
The Wolf of Wall Street สร้างจากชีวิตจริงของ จอร์แดน เบลฟอร์ท นายหน้าค้าหุ้นหนุ่มไฟแรงในวอลล์สตรีท ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เขาทำเงินได้อย่างมหาศาล ก่อนที่จะผลาญเงินไปมหาศาลยิ่งกว่ากับปาร์ตี้ เหล้ายา และเซ็กส์ จนในที่สุดก็ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงหลักทรัพย์และฟอกเงินในปี 1998 ถูกขังคุกอยู่ 22 เดือนในเรือนจำของรัฐ และถูกแบนจากการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นไปตลอดชีวิต โดยปัจจุบัน จอร์แดน เบลฟอร์ท ก็กลายเป็นนักเขียนหนังสือขายดี และเป็นนักพูดที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา
4. The Big Short (2015)
The Big Short เกมฉวยโอกาสรวย อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่อิงจากเหตุการณ์จริง กับวิกฤตฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ เมื่อปี 2007-2008 โดยดัดแปลงจากหนังสือชื่อ The Big Short: Inside the Doomdays Machine ของ ไมเคิล ลูอิส ส่วนตัวหนังกำกับโดย อดัม แม็คเคย์ (Adam McKay) นำแสดงโดยนักแสดงดังหลายคนทั้ง คริสเตียน เบล , แบรด พิตต์ , ไรอัน กอสลิ่ง และ สตีฟ คาเรล หนังนำเสนอแนวคิดเรื่องเศรษฐศาสตร์และการคาดการณ์ความน่าจะเป็นได้ดี สามารถย่อยเรื่องเครียดๆ และศัพท์การเงินเข้าใจยาก ให้ดูสนุกสนานได้อย่างน่าพอใจ จนมีชื่อเขาชิงรางวัลออสการ์สาขา ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
The Big Short หยิบเหตุการณ์วิกฤติเศรษฐกิจ Sub Prime ของสหรัฐอเมริกา มาเล่าเพื่อเป็นอุทธาหรณ์ให้กับคนในวงการเงินการธนาคารทุกคน หนังเล่าเรื่องราวของกลุ่มบุคคลจำนวน 4 คนที่เห็นเค้าลางของการล่มสลายของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมประเภท Sub Prime ล่วงหน้าก่อนธนาคารขนาดใหญ่ หรือแม้กระทั่งรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเองจะยังไม่ทันรู้ตัว พวกเขาจึงเกิดไอเดียบรรเจิดในการ “ฉวยโอกาส” เพื่อหวังสร้างผลตอบแทนและความร่ำรวยมหาศาลจากความฉิบหายของคนอื่นในวงการ
5. Billionaire Boys Club (2018)
The Billionaire Boys Club รวมพลรวยอัจฉริยะ ภาพยนตร์ดราม่าเขย่าขวัญตีแผ่ด้านมืดของวงการนักลงทุน ที่หักเหลี่ยมเฉือนคมดุเดือดไม่แพ้หนังแอ็คชั่นเรื่องไหน สร้างจากเรื่องจริงสุดอื้อฉาวของหนุ่มๆ ทายาทเศรษฐีที่หวังจะรวยทางลัด วางแผนระดมเงินครั้งมโหฬารจากการจัดตั้งคลับนักลงทุน ดึงดูดเงินเป็นพันล้านที่เดิมพันด้วยอนาคตของพวกเขาทั้งชีวิต จากการกำกับของ เจมส์ ค็อกซ์ นำแสดงโดย แอนเซล เอลกอร์ต , ทารอน อีเกอร์ตัน , เควิน สเปซีย์ และ เอ็มม่า โรเบิร์ตส์ คำเตือนก็คือ เมื่อดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว คุณจะรู้สึกไม่อยากทำธุรกิจกับเพื่อนอีกเลย
The Billionaire Boys Club เล่าเหตุการณ์ในเมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1984 เรื่องราวอันเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นจริงของกลุ่มนักศึกษาวิชาธุรกิจฐานะดีจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด นำโดย โจ ฮันต์ ที่จัดตั้งคลับนักลงทุนชื่อว่า Billionaire Boys Club หรือ BBC เพื่อหวังรวยทางลัดด้วยเทคนิคแชร์ลูกโซ่ แต่แผนกลับพังไม่เป็นท่า เงินทุนที่ระดมมาถูกเชิดหายไปในอากาศ ทำให้ฮันต์และหุ้นส่วนตกที่นั่งลำบาก ฮันต์จึงพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดแม้ต้องให้มือตัวเองเปื้อนเลือดก็ตาม
MenDetails รับรองว่า หากคุณสนใจในเรื่องการเงินการลงทุน และตั้งใจติดตามเนื้อหาของภาพยนตร์ทั้ง 5 เรื่องด้านบนอย่างครบถ้วน จะช่วยให้คุณเข้าใจเรื่องของธุรกิจ การเงิน การลงทุน และรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกงของวงการนี้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เป็นประโยชน์ให้เราสามารถนำเอาไปต่อยอดในการบริหารการเงินการลงทุนของตัวเอง หรือปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และในการทำงานได้ด้วยครับ