ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

เจ้าของบ้านสุดเสียใจ ธนาคารยึดบ้านผิดหลัง ทำลายทรัพย์สินเกลี้ยง เตรียมพบทนายยื่นฟ้อง

เช้านี้ที่หมอชิต - ผู้เสียหายร้องเรียนเพจทนายคู่ใจ ว่าถูกธนาคารยึดบ้าน แต่เป็นการยึดผิดหลัง โดยที่บ้านหลังที่ถูกยึด ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถูกฟ้องร้องใด ๆ ที่สำคัญทรัพย์สินภายในบ้านถูกนำไปทำลายทิ้งหลายรายการ ต้นไม้ถูกตัดทิ้งจนเหี้ยน รูปครอบครัวที่เคยถ่ายไว้เป็นของที่มีมูลค่าทางจิตใจ ก็ถูกนำไปทิ้งด้วย ผู้เสียหายจึงเตรียมยื่นฟ้องร้องต่อธนาคารแห่งนี้

มีผู้เสียหายรายหนึ่งร้องกับทางเพจทนายคู่ใจเข้ามาว่า ตนมีบ้านอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา มีผู้รับเหมาเข้ามารื้อทรัพย์สินภายในบ้านของตนออกไปจนหมดเกลี้ยง เหลือแต่บ้านโล่ง ๆ บริเวณภายนอกก็ตัดต้นไม้ รื้อกันสาด ยกสิ่งของออกไปไม่เหลือ และติดป้ายประกาศทรัพย์สินของธนาคารห้ามบุกรุก

จนมีเพื่อนบ้านเห็นป้ายประกาศขาย จึงติดต่อทางธนาคารไปเพื่อจะขอซื้อ จึงทราบว่าในประกาศเป็นบ้านอีกหลังหนึ่ง เพื่อนบ้านจึงโทรศัพท์ไปแจ้งเรื่องนี้กับเจ้าของบ้าน เพื่อถามว่า "จะขายบ้านหรือ เห็นคนมารื้อบ้าน รีโนเวท และติดป้ายของธนาคาร" เจ้าของบ้านพอได้ยินแบบนั้นก็ตกใจมาก จึงรีบเดินทางมาดู ก็พบว่าบ้านไม่เหลืออะไรเลย ข้าวของเครื่องใช้ ต้นไม้ถูกเก็บทิ้งทำลายหมด ประตูบ้านก็ถูกล็อกไว้ด้วยกุญแจของธนาคาร จึงได้ไปลงบันทึกแจ้งความไว้ที่ สภ.ลาดหลุมแก้ว

หลังจากนั้นเจ้าของบ้านได้แจ้งเรื่องยึดบ้านผิดหลังไปที่ธนาคาร ทางธนาคารจึงให้เจ้าหน้าที่โทรศัพท์มาขอโทษ และยอมรับว่าเป็นความผิดของธนาคารจริง ๆ ที่เข้ามายึดบ้านผิดหลัง ทั้งสองฝ่ายจึงได้ไปไกล่เกลี่ยกันต่อหน้าตำรวจ เพื่อตกลงเรียกร้องค่าเสียหาย โดยเบื้องต้นประเมินไว้ที่ 2 ล้านบาท แต่ทางธนาคารก็ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาแต่อย่างใด โดยทรัพย์สินบางอย่างได้ถูกเก็บไว้ที่อีกที่หนึ่ง แต่บางอย่างได้ถูกทำลายไปแล้ว เช่น เสื้อผ้า หนังสือเก่า รูปภาพ และของสะสมต่าง ๆ รวมถึงของใช้ของลูกซึ่งมีคุณค่าทางจิตใจ ไม่สามารถหามาทดแทนได้แล้ว

และที่ตัดสินใจมาปรึกษาทนายความ เพราะว่าหลังเกิดเหตุการณ์กว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ทางผู้เสียหายต้องเป็นคนคอยติดต่อทางธนาคารไปเอง ว่าจะมีการดำเนินการรับผิดชอบอย่างไร ทางธนาคารก็บอกเพียงแต่ว่า กำลังรวบรวมทรัพย์สินที่ทำลายไป แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะรับผิดชอบค่าเสียหายอย่างไร จึงมองว่าไม่มีความกระตือรือร้น หรือใส่ใจในการแก้ปัญหาใด ๆ ให้กับตนที่เป็นผู้เสียหาย ทั้งที่บ้านของตนยังไม่เคยถูกฟ้อง ไม่ได้มีคดีอะไร และไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ กับทางธนาคารเลย แต่กลับไม่มีความชัดเจน

ด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความเป็นธรรม บอกว่า ตามพยานหลักฐานที่มีในตอนนี้ พบว่าทางธนาคารมีความผิดจริง ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องทางธนาคารได้ 3 ข้อหาหลัก ๆ คือ ร่วมกันบุกรุก, ทำให้เสียทรัพย์ และหมิ่นประมาท โดยวันนี้ทนายจะพาไปแจ้งข้อหาเพิ่ม

นี่ก็ถือว่าเป็นความผิดพลาดของธนาคาร ที่อาจจะต้องมีการทบทวนวิธีการทำงานใหม่ให้ละเอียดมากขึ้น รวมถึงเป็นอุทาหรณ์ของคนที่มีบ้าน แล้วไม่ได้อยู่ด้วย แต่เรื่องนี้ต้องบอกเลยว่า ไม่ใช่ความผิดของเจ้าของบ้าน โดยช่วงบ่ายวันนี้ (3 ต.ค.) เจ้าของบ้านจะเดินทางไปพบทนายความ เพื่อส่งเรื่องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark